เดือด! นักอนุรักษ์ทำจดหมายเปิดผนึกถึงกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรมกรณีที่ปภ.เชียงใหม่ ยันว่า ฝายเก่าแก่“ฝายพญาคำ ฝายหนองผึ้ง ฝายท่าวังตาล ไม่ได้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญา“เป็นการให้ข้อมูลที่เป็นเท็จ!

เชียงใหม่ 17 ก.ย.- จากมาตรการแก้ไขและป้องกันปัญหาน้ำท่วมเชียงใหม่ รัฐบาลให้งบประมาณในการขดลอกลำน้ำปิง 41 กิโลเมตรงบประมาณกว่า 373 ล้านบาท และหนึ่งในนั้นมีการขุดลอกรื้อฝายเก่า 3 ฝ่ายกลางลำน้ำปิงใกล้ตัวเมืองเชียงใหม่คือฝายพญาคำ ฝายหนองผึ้ง ฝายท่าวังตาล ใช้วงเงินประมาณ 12 ล้านบาท ล่าสุดมีข้อโต้แย้งกับนักอนุรักษ์ภูมิปัญญาวิถีวัฒนธรรมที่ระบุว่า 3 ฝายมิใช่สาเหตุน้ำท่วมเมืองและเป็นภูมิปัญญาที่ขึ้นบัญชีอนุรักษ์ ขณะที่หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ได้ออกมาประกาศยืนยันว่า ทั้ง 3 ฝายไม่ได้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญา ทางนายชัชวาลย์ ทองดีเลิศ ตัวแทนสภาลมหายใจภาคเหนือออกมาโต้แย้งประเด็นดังกล่าวพร้อมทำหนังสือเป็นจดหมายเปิดผนึกถึงกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรมกรณีที่ ปภ.เชียงใหม่ ระบุนั้นเป็นการให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ ไม่ศึกษากฏหมายอย่างรอบคอบ อันจะส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ พร้อมแจ้งว่า “ภูมิปัญญาการทำเหมืองฝาย” ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ในลักษณะ/สาขา ความรู้และแนวปฏิบัติเกี่ยวกับธรรมชาติและจักรวาล ด้วยระดับการขึ้นบัญชีเป็นระดับชาติ และมีสถานะการคงอยู่ ที่มีการปฏิบัติอย่างแพร่หลาย โดยได้ขึ้นทะเบียนในปี พ.ศ. 2558 ภายหลังต่อมาในปี พ.ศ. 2559 มีการประกาศ พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ด้วยเหตุนี้ ตามนัยของมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติฯ ที่ระบุว่า “ให้บรรดามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่กระทรวงวัฒนธรรมได้ประกาศ ขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมไว้อยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ เป็นมรดก ภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่ได้ขึ้นบัญชีมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมตามพระราชบัญญัตินี้” จึงมีผลให้ “ภูมิปัญญาการทำเหมืองฝาย” ได้รับการรับรองการเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมอย่างเป็นทางการแล้ว ที่คุ้มครองระบบเหมืองฝายในภาพรวม
ขอเรียกร้องให้กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ดำเนินการตามกฏหมายต่อข้าราชการผู้ใหญ่ของจังหวัดที่ให้ข่าวเป็นเท็จ โดยทำให้ประชาชนเข้าใจผิด เป็นการไม่ให้ค่าและเคารพคุณค่ามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ อันอาจส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ และเป็นการทำร้ายจิตใจของประชาชนที่ร่วมกันดูแลรักษามรดกภูมิปัญ ญาทางวัฒนธรรมร่วมกันมาหลายรุ่นคน พร้อมทั้งขึ้นแฮชแท็ก #saveมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมทางชาติ #saveระบบเหมืองฝาย.


