ผ่อเมือง » แบงค์ชาติเหนือแถลงภาวะเศรษฐกิจไตรมาส 3 หดตัวคาดไตรมาส 4 ดีขึ้นแต่มีปัจจัยท้าทายหลายด้าน

แบงค์ชาติเหนือแถลงภาวะเศรษฐกิจไตรมาส 3 หดตัวคาดไตรมาส 4 ดีขึ้นแต่มีปัจจัยท้าทายหลายด้าน

4 พฤศจิกายน 2025
65   0

แบงก์ชาติเหนือแถลงภาวะเศรษฐกิจภาคเหนือปี 2568 ไตรมาส 3 หดตัวและคาดการณ์ไตรมาส 4 แนวโน้มดี “คนละครึ่งพลัส”ช่วยกำลังซื้อ ปชช.แต่มีปัจจัยท้าทายหลายด้าน พร้อมแจ้งมาตรการจัดการบัญชีม้า- กำกับดูแลลิสซิ่งรถยนต์และจยย.

เชียงใหม่ 4 พ.ย. – ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ (ธปท. สภน.) นายณัฏฐ์ ลุมพิกานนท์ ผู้อำนวยการ ธปท.ภาคเหนือแถลงภาวะเศรษฐกิจและการเงินภาคเหนือ ไตรมาส 3 และคาดการณ์ไตรมาส 4 ปี 2568 โดยระบุว่า เศรษฐกิจภาคเหนือ ไตรมาส 3 ปี 2568 ปรับลดลงจากไตรมาสก่อน ตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ลดลง โดยรายได้เกษตรกรหดตัว ตามราคาพืชสำคัญที่ลดลง ทั้งราคาข้าวเปลือกเจ้า ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และลำไย ผลผลิตอุตสาหกรรมหดตัว จากปัจจัยชั่วคราวในหมวดเครื่องดื่ม เนื่องจากมีโรงงานบางแห่งปิดปรับปรุงเครื่องจักร รวมทั้งบางส่วนได้เร่งผลิตไปแล้วในช่วงก่อนหน้า ประกอบกับกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยลดลงตามอุปสงค์คู่ค้า อย่างไรก็ดี หมวดอาหารแปรรูป ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักรและอุปกรณ์ยังขยายตัวได้

ด้านการท่องเที่ยวก็หดตัวตามจำนวนนักท่องเที่ยวไทยที่ลดลง จากข่าวสถานการณ์น้ำท่วมบางพื้นที่ในช่วงต้นไตรมาส ทำให้ความต้องการท่องเที่ยวลดลง ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงจากทั้งจีน เกาหลีใต้และไต้หวัน การบริโภคหดตัวเล็กน้อย ผู้บริโภคยังคงระมัดระวังการใช้จ่าย สะท้อนจากสินค้าอุปโภคบริโภคที่หดตัว โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดน้ำท่วมบางพื้นที่ ด้านการใช้จ่ายซื้อยานยนต์ลดลงในส่วนของรถยนต์เชิงพาณิชย์ ขณะที่รถยนต์นั่งปรับดีขึ้นจากการส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าที่เปิดตัวใหม่ การลงทุนภาคเอกชนหดตัว ตามการลงทุนเครื่องจักรและอุปกรณ์ หมวดรถยนต์เชิงพาณิชย์ที่หดตัว

อย่างไรก็ดี ภาคอสังหาริมทรัพย์หดตัวน้อยลงตามการกลับมาให้สินเชื่อบ้านของสถาบันการเงินบางแห่งและมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่มากกว่าปีก่อน แต่ยังมีปัจจัยกดดันจากกำลังซื้อของผู้บริโภคและความเชื่อมั่นต่อรายได้ในอนาคตที่ลดลง การเบิกจ่ายภาครัฐหดตัว จากฐานสูงในปีก่อน แต่ยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ด้านการจ้างงานลดลงเล็กน้อย สะท้อนจากจำนวนผู้ประกันตนตาม ม.33 ปรับฤดูกาลที่ลดลง สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบมากขึ้น ตามราคาหมวดอาหารสดที่ลดลง

สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจภาคเหนือไตรมาส 4 ปี 2568 คาดว่า ยังขยายตัวจากไตรมาสก่อนตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ปรับดีขึ้นในช่วงฤดูท่องเที่ยว ประกอบกับการบริโภคภาคเอกชนได้รับผลดีจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เช่น โครงการคนละครึ่งพลัส ภาคเหนือมีประชาชนที่ได้รับสิทธิเข้าร่วมโครงการจำนวนราว 2.6 ล้านคน มีเงินเข้าสู่ระบบจำนวนราว 11,000 ล้านบาท ซึ่งหากประชาชนที่ได้รับสิทธิทั้งหมด 2.6 ล้านคน มีการใช้จ่ายเงินตามสิทธิครบทุกคนและใช้จ่ายหมด ก็จะทำให้มีเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของภาคเหนือราว 11,000 ล้านบาท ผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวในกลุ่มอาหารแปรรูปและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ตามอุปสงค์ที่มีต่อเนื่องและการใช้จ่ายภาครัฐยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ อย่างไรก็ตาม รายได้เกษตรหดตัวตามราคาพืชสำคัญ ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนยังอยู่ในระดับต่ำ
ทั้งนี้มีประเด็นที่ต้องติดตาม คือ
(1) กำลังซื้อและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค รวมทั้งผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐด้านต่างๆ
(2) แนวโน้มราคาสินค้าเกษตร และ
(3) ผลของนโยบายการค้าประเทศเศรษฐกิจหลัก

นอกจากนี้ยังได้แจ้งประชาสัมพันธ์ในมาตรการกำกับดูแลธุรกิจการให้เช่าและการให้เช่าแบบลีสซิ่งตามพระราชกฤษฎีกากำหนดให้การประกอบธุรกิจการให้เช่าซื้อและการให้เช่าแบบลีสซิ่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์อยู่ภายใต้บังคับของพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 พ.ศ. 2568 ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อดูแลธุรกิจเช่าซื้อและลีสซิ่งซึ่งมีลักษณะคล้ายการให้สินเชื่อ และมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและประชาชนในวงกว้าง โดยครอบคลุมนิติบุคคลที่ประกอบธุรกิจเช่าซื้อและลีสซิ่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ไม่รวมธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจ และสหกรณ์ที่มีกฎหมายเฉพาะกำกับอยู่แล้ว นิติบุคคลที่อยู่ภายใต้กำกับต้องรายงานข้อมูลเพื่อแสดงตัวตน ดำเนินธุรกิจตามเกณฑ์ที่กำหนด และรายงานข้อมูลการประกอบธุรกิจแก่ ธปท. โดยผู้ประกอบธุรกิจที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน สามารถรายงานข้อมูลเพื่อแสดงตัวตนผ่าน www.bot.or.th ตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม 2568 – 31 มีนาคม 2569 ส่วนผู้ประกอบธุรกิจรายใหม่ตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2568 ให้รายงานข้อมูลภายใน 120 วัน นับจากวันจดทะเบียนธุรกิจ

และการปรับมาตรการจัดการบัญชีม้าเพื่อสร้างความมั่นใจให้ใช้จ่ายผ่านดิจิทัล โดย ธปท. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งปรับแนวทางระงับธุรกรรม เพื่อบรรเทาผลกระทบแก่ผู้สุจริตที่ได้รับผลกระทบจากการติดตามเส้นทางการเงินของมิจฉาชีพใน 3 ด้าน ได้แก่ (1) ปลดระงับให้เร็วขึ้น ผู้ที่ถูกระงับธุรกรรมสามารถติดต่อศูนย์ AOC โทร 1441 กด 2 เพื่อแจ้งข้อมูล ให้ปลดระงับภายใน 4 ชั่วโมง ถึง 1 วัน จากเดิม 7 วัน (2) กำหนดเงื่อนไขการต่อเส้นทางการเงินเพื่อไม่ให้มีการระงับบัญชีผู้บริสุทธิ์ตั้งแต่แรก โดยไม่รวมธุรกรรมที่มีมูลค่าน้อย และการโอนเงินที่มีลักษณะทางการค้าตามปกติ และ (3) ธนาคารจะต้องแจ้งสถานะและขั้นตอนแก้ไข ผ่าน Mobile Banking หรือ SMS ให้ทราบว่าเป็นการระงับธุรกรรมไม่ใช่การอายัดบัญชี พร้อมทั้งระบุจำนวนเงินและขั้นตอนที่ลูกค้าต้องดำเนินการให้ชัดเจน.